OS Special

[OS special] Not Alone | Barry x Peter (The Flash x Quicksilver)

Title: Not  Alone

Pairing: Barry Allen x Peter Maximoff

Author: lizlada

Note: การบ้านวีค 16 เส้นขนาน… คือแพร์ริ่งแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ ไม่ได้ก็จะแต่งอยู่ดี 5555555

 

tumblr_obpefblTEa1th1illo1_500

 

ถึงเขาจะรักและเคารพศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เซเวียร์มากขนาดไหน แต่ปีเตอร์ แม็กซิมอฟก็ไม่อาจกลั้นหาว กระทั่งปล่อยให้ความง่วงเข้ามาครอบงำเขาระหว่างคาบเรียนได้อยู่ดี เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มออกปากแซวว่า ‘ออกไปวิ่งให้กระปรี้กระเปร่าก่อนดีไหมปีเตอร์’ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรือปรอยมองใบหน้าเพื่อนในห้องเรียนที่กำลังกลั้นหัวเราะ เขาฝืนใจถ่างตา ส่ายศีรษะเล็กน้อย พลางจดจ้องไปยังตัวหนังสือหัวข้อปรัชญาชวนเวียนหัว

 

มนุษย์เฝ้าตามหาสิ่งที่คู่ควรกับตนโดยไม่อาจล่วงรู้ว่าสิ่งนั้น ชิ้นส่วนนั้น คนคนนั้นมีอยู่จริง

มนุษย์วิ่งเข้าหาความอันตรายโดยไม่เคยแลว่าผลสุดท้ายต้องเจ็บปวด

มนุษย์ยอมโง่เขลาในบางครา เพื่อพิสูจน์หาความจริงอันไม่สิ้นสุด

 

กริ่งเลิกเรียนดังขึ้นเสมือนนาฬิกาปลุกชั้นยอด ปีเตอร์เก็บหนังสือและสมุดที่ไม่ได้ขีดเขียนใดๆ ลงกระเป๋าเป้พลางผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาชำเลืองเห็นว่าศาสตราจารย์กำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาอาศัยความว่องไวปลีกตัวออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะได้เอ่ยเสียด้วยซ้ำ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เจ้าของความเร็วดุจแสงกลับมาถึงห้องนอนตนเอง ปีเตอร์มองเตียงเดี่ยวสภาพยับยู่ยี่และข้าวของระเกะระกะ ด้วยความที่เขาไม่มีรูมเมท ไม่แปลกเลยหากเขาจะปล่อยปละละเลยห้องถึงเพียงนี้ และอีกนั่นแหละ…ถ้าศาสตราจารย์มาเห็นเข้ามีหวังคงได้ลมจับ

ปีเตอร์ทิ้งตัวลงบนฟูกนอนโดยไม่สนใจจะเก็บห้องดั่งที่ตั้งใจเมื่อนาทีก่อน คว้าหยิบเครื่องเสียงพกพาและหูฟังออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง ยามเย็นย่ำมักเป็นช่วงเวลาที่ปีเตอร์ชอบงีบหลับก่อนจะออกไปกินมื้อเย็นกับทุกๆ คนที่ห้องอาหาร ครั้นเปลือกตาค่อยๆ หนักอึ้ง ดนตรีจากเพลงโปรดช่วยขับกล่อม บรรยากาศชวนเกียจคร้านทำให้เขาผล็อยหลับไปได้อย่างง่ายดาย

 

 

หมอกจัดทำให้สายตาเขาพร่ามัว บรรยากาศชื้นละอองฝน ปีเตอร์ยืนอยู่ในเมืองที่เขาไม่รู้จัก มันค่อนข้างเงียบสงัด เปลี่ยวร้าง เช่นเดียวกับท้องฟ้าสีดำรัตติกาลไร้ดวงดาว บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นตึกขนาดเล็กตั้งเรียงรายติดๆ กัน อิฐที่ใช้ก่อมีสีเทาหม่น แสงไฟรำไรจากบานหน้าต่างบนตึกเหล่านั้นให้ความรู้สึกลึกลับพิกล ชั่ววินาทีหนึ่งที่ปีเตอร์รำพึงในใจ…เขาฝันประหลาดอีกแล้วสินะ ในฐานะที่เขามักออกเที่ยวไปทั่วตามใจปรารถนา นี่คงเป็นภาพผ่านตาหรืออะไรก็ตามแต่ในห้วงทรงจำจากสถานที่สักแห่งบนโลกกระมัง

ทว่าปีเตอร์เป็นอันต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ใครสักคนกลับวิ่งมาชนไหล่เขา… ไม่สิ ต้องบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าคนคนนั้นเป็นใคร รู้สึกเพียงแค่ชาที่หัวไหล่และร่างกายเสียการทรงตัว นัยน์ตาตื่นตระหนกเมื่อครุ่นคิดว่าหากนี่เป็นความฝันทำไมเขาถึงเจ็บที่ไหล่จากการถูกกระแทกกันเล่า! เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง…แต่… ว่างเปล่า ไม่มีใครเลย

หรือว่าบนโลกใบนี้จะไม่ได้มีมนุษย์แห่งความเร็วอันน่าอัศจรรย์เพียงเขาแค่คนเดียว

 

 

“ปีเตอร์! ทุกคนรออยู่ที่ห้องอาหารแล้ว เฮ้!! ปีเตอร์ได้ยินฉันไหม?”

เจ้าของชื่อลืมตามองเพดานมืดสนิท บัดนี้พระอาทิตย์ลับแสงไปแล้วและดวงจันทร์กลมอร่ามฉายแสงเป็นพระเอก ท้องฟ้าประดับประดาไปด้วยดวงดาวนับล้าน ช่างแตกต่างจากภาพในความฝันเมื่อสักครู่ลิบลับ ปีเตอร์ถอดหูฟังออกจากหูพลางยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขานิ่วหน้าหลังจากรู้สึกปวดที่หัวไหล่ซ้าย หากเมื่อครู่เป็นความฝัน…เขาอาจจะแค่นอนผิดท่าก็ได้ ปีเตอร์นึกปลอบใจตนเอง

เสียงเคาะประตูจากภายนอกราวกับร้อนใจหนักหนาดังขึ้นอีกครั้ง เขาถอนหายใจขณะเคลื่อนไหวร่างกายไปเปิดประตูด้วยความรวดเร็ว

“ตื่นแล้ว ขอบคุณที่มาปลุกนะสก็อต” ปีเตอร์ว่าขณะมองท่าทีหงุดหงิดของเพื่อนสนิท แม้เขาจะไม่เห็นสายตาใต้กรอบแว่นอันโตที่ปิดกั้นดวงตาปล่อยแสงของหมอนี่ได้ก็ตาม เจ้าของเรือนผมสีเงินหันหลังกลับไปปิดประตูห้องนอน เช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนไปห้องอาหาร ทว่าท่ามกลางความมืดแต่แสงจากภายนอกยังตกถึง เขากลับเห็นรอยรองเท้าเลอะโคลนเปรอะอยู่…บริเวณพื้นพรมข้างเตียง

นี่มันชักไม่ตลกแล้ว!

หลังมื้อเย็น ปีเตอร์จ้ำอ้าวกลับมายังห้องนอนของตนเอง เขาปิดประตูล็อคกลอนด้วยหัวใจเต้นระทึก เขาใช้เวลาในการกินอาหารเร็วกว่าปกติจนใครหลายคนงุนงง เช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์เอ็ดเขานิดหน่อย กระนั้นปีเตอร์คิดว่าเขามีเรื่องให้ต้องไขปริศนาอย่างเร่งด่วน ไหล่ซ้ายยังคงปวดหนึบด้วยสาเหตุไม่แน่ชัด และรอยรองเท้าเปื้อนโคลนนั่นอีก… หรือมีใครสักคนแกล้งเขา? อาจเป็นจีนที่มีพลังจิตสุดจะคาดเดา ไม่ก็เคิร์ท หมอนั่นล่องหนไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ แต่…เคิร์ทไม่ชอบใส่รองเท้า

Damn it!

ความคิดมากมายแล่นวุ่นไปหมด ปีเตอร์ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง…ห้องนอนที่เขาอยู่มาแรมปีจู่ๆ จะมีเรื่องลี้ลับเกิดขึ้นได้ยังไง พลันเขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนแปลกประหลาด โถเลี้ยงปลาเล็กๆ ที่เขาวางไว้บนโต๊ะหนังสือเกือบร่วงหล่นหากเขาวิ่งไปรับมันไม่ทัน ดวงตาสีเข้มเบิกโพลงเมื่อบานกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าเกิดแสงสว่างวาบคล้ายกระแสไฟฟ้า เขาไม่อาจต้านทานแสงแสบตานั้นได้จนต้องผินใบหน้าหลบ เพียงชั่ววินาทีทุกอย่างจึงสงบลง…ปีเตอร์ค่อยๆ ลืมตา เขาต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักกว่าจะมองรอบตัวได้ชัดเจนเป็นปกติ ทว่ากลับมีสิ่งผิดปกติ

มีใครบางคนยืนอยู่ภายในห้องนี้อีกคน

“หวัดดี” คนแปลกหน้าทักทายเขาพร้อมรอยยิ้ม ร่างสูงสวมเสื้อยืดสีดำทับด้วยแจ็คเก็ตฮู้ดลายสก็อตแดงสลับดำ ผมสีเข้มจนเกือบดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตา ปีเตอร์เม้มริมฝีปากพลางพยายามประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้…

“นายเป็นใคร?” ปีเตอร์นึกคำถามใดไม่ออกนอกจากการเริ่มต้นบทสนทนาขั้นพื้นฐาน เขากอดโถเลี้ยงปลาไว้แนบอกราวกับคิดว่ามันเป็นอาวุธป้องกันตัว

“แบร์รี่ อัลเลน ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่า…ฉันวิ่งมาเร็วเกินไปหน่อย เลยทำให้นายได้รับผลกระทบไปด้วย นายคือปีเตอร์ แม็กซิมอฟใช่ไหม อ้อ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาขมวดคิ้วยุ่งเมื่อฟังประโยคยาวยืดจบ แต่อนิจจา…ปีเตอร์ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องบ้าๆ นี่อยู่ดี

“ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ ว่าแต่…นายมาจากไหน และมาทำอะไรกันแน่?” แบร์รี่ชะงักไปนิด ปีเตอร์มองคนตรงหน้าเกาท้ายทอยพลางกลอกตาไปมา

“ฉันมาจากโลกอีกโลกหนึ่ง คิดว่าเป็นโลกอนาคตสำหรับนายนะ” คนแปลกหน้าอธิบายโดยใช้มือประกอบท่าทาง ลุกลี้ลุกลนจนไม่น่าไว้ใจ “แล้วก็อันที่จริง…ฉันแค่ต้องการเพื่อน

“เพื่อน?” เขาทวนคำพูดของแบร์รี่ อัลเลนอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อหู หมายความว่าคนคนนี้ใช้วิธีอะไรก็ตามแต่เพื่อวิ่งทะลุมิติมาหาเพื่อน? แค่นั้นน่ะหรือ… ท่าทางโลกอีกโลกของหมอนี่คงพิลึกใช่ได้

“เพื่อนที่มีพลังคล้ายๆ กัน…ประมาณนั้น” แบร์รี่ไหวไหล่ก่อนจะกล่าวต่อ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”

ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองมายังเขา มุมปากของแบร์รี่กลั้นยิ้มขำต่อท่าทีระมัดระวังของเขา ปีเตอร์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อคลายความกดดันแปลกๆ จากนั้นเขาจึงวางโถเลี้ยงปลาไว้ที่เดิม

“เป็นวิธีหาเพื่อนที่ทุ่มทุนสร้างชะมัด” ปีเตอร์พึมพำ ชั่วขณะนั้นเขาเห็นแสงกระแสไฟฟ้าวูบวาบพร้อมกับการที่แบร์รี่ยืนอยู่ห่างเขาเพียงไม่กี่ก้าว…แถมระยะห่างระหว่างพวกเขายังแคบลงเรื่อยๆ

“แต่มันก็คุ้มดี ฉันไม่คิดว่าคนที่มีพลังเร็วเหนือมนุษย์ในอีกโลกหนึ่งจะค่อนข้างน่าประทับใจขนาดนี้”

น่าประทับใจ?

“นายนี่มันยังไงวะ” ปีเตอร์เผลอสบถเมื่อแบร์รี่กำลังเกี่ยวเส้นผมสีเงินของเขาเล่นด้วยรอยยิ้มยียวน

“เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว…ไว้จะแวะมาเล่นด้วยอีกนะ ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย ปีเตอร์…”

รูปหน้าคมเลิกคิ้วขึ้นนิดก่อนจะอาศัยความว่องไว้เช่นเดียวกับที่ปีเตอร์คุ้นชินเคลื่อนหายเข้าไปยังบานกระจกบานเดิมอย่างไร้ร่องรอย รวดเร็วจนไม่น่าเชื่อว่าพลังแบบนี้จะสามารถวิ่งผ่านห้วงเวลามิติอันซับซ้อน ปีเตอร์ไม่เคยคิดว่าตนจะทำมันได้แน่ เขารู้ขีดจำกัดพลังของตนเองดี แน่นอนเขาไม่อยากเสี่ยงกับพลังซึ่งไม่อาจจินตนาการนั่นเลย ที่สำคัญ…โลกกลมๆ ของเรา มีอีกโลกคู่ขนาน มีอีกจักรวาลแสนซับซ้อนด้วยหรือ ท่าทางเขาคงต้องตั้งใจเรียนวิชาปรัชญา วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และอื่นๆ มากขึ้นเสียแล้ว

 

 

กฎบางประการทางฟิสิกส์กล่าวไว้ว่า คุณไม่ควรข้ามจักรวาลจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง ความแตกต่างเหล่านั้นอาจทำให้คุณถึงแก่ความตายได้ ว่าง่ายๆ นั่นคือ จงอยู่ในโลกที่เราควรอยู่… โลกที่สร้างเรา… จงพอใจในโลกที่เหมาะสมกับคุณ

         

โลกคู่ขนานไม่อาจบรรจบกัน เช่นเดียวกับเส้นขนาน ทั้งคู่ต่างดำเนินชีวิตในวิถีแห่งตน

บ้างก็ว่า เส้นขนานหากบรรจบกันแล้วจะถือเป็นการสูญสิ้น…แตกดับ…พังพินาศ

         

ปีเตอร์ปิดหน้าหนังสือลง หนังสือปรัชญาวิทยาศาสตร์ที่เขาอุตส่าห์ยืมมาจากศาสตราจารย์ช่วยให้เขาครุ่นคิดถึงเรื่องแปลกพิลึกคืนก่อนได้มากขึ้น แต่เหตุใดแบร์รี่ อัลเลนจึงข้ามมิติมาโลกของเขาได้สำเร็จ…หากนี้เป็นเหตุบังเอิญครั้งแรก ครั้งต่อไปหมอนั่นอาจไม่โชคดี การฝ่าฝืนกฎของโลกที่เราไม่อาจหยั่งรู้ ผลลัพธ์คงไม่น่าพิสมัยนัก

แรงสั่นสะเทือนคล้ายเหตุการณ์วันก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง ปีเตอร์รีบหันไปมองบานกระจกหน้าตู้เสื้อผ้า ปรากฏร่างของแบร์รี่ อัลเลน คนที่อ้างตัวว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ยืนยิ้มกว้างโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรเกี่ยวกับการโผล่ข้ามมิติไปมาทั้งที่มันอาจส่งผลเสียต่อเจ้าตัวเอง เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางหมุนเก้าอี้ไปเผชิญหน้ากับมนุษย์แห่งความเร็วมาดกวน

“รอบนี้ฉันมาได้โดยไม่ต้องเชื่อมกับความฝันนายแล้ว เจ๋งไปเลย” แม้ปีเตอร์จะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แบร์รี่สาธยาย เขาก็พอจะปะติปะต่อเรื่องราวได้บ้าง…

“มันอันตรายไม่ใช่หรือไงกับการข้ามมิติมาแบบนี้” เขาทักท้วง ชั่วครู่หนึ่งที่ปีเตอร์เห็นนัยน์ตาสีดำกระตุกวูบก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแววขี้เล่น

“ก็พอรู้อยู่หรอกว่าถ้าไม่ระวัง หรือใช้พลังนี้บ่อยเกินไปอาจติดอยู่ในห้วงมิติกึ่งกลางได้” แบร์รี่ตอบขณะเดินสำรวจห้องนอนของเขา หมอนั่นหยุดลงตรงหน้าโปสเตอร์ศิลปินที่ปีเตอร์คลั่งไคล้

“แต่นายก็ยังฝืนทำเนี่ยนะ ให้ตายสิ…หาเพื่อนในโลกของนายเหอะ ขืนครั้งหน้านายไม่โชคดี นายอาจเป็นอะไรไปก็ได้ ฉันไม่อยากต้องมานั่งรู้สึกผิดด้วยหรอก” คำพูดตรงไปตรงมาของปีเตอร์ทำเอาแบร์รี่เงียบไปนาน

“ถ้าหาเพื่อนแบบนายได้ง่ายๆ ในโลกของฉันมันก็ดีสิ…ฉันอิจฉานายนะปีเตอร์ที่นายสามารถใช้ชีวิตในโรงเรียนที่มีคนแบบนายอยู่รวมกัน เรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ไม่ต้องกลัวหรือหลบซ่อน” คราวนี้กลับกลายเป็นปีเตอร์ที่พูดอะไรไม่ออกเสียแทน เมื่อครู่เขาคงพูดจาแทงใจอีกคนเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวเดินไปหาเพื่อนใหม่พลางวางมือลงบนไหล่แบร์รี่เผื่อจะช่วยปลอบใจเจ้านี่ได้บ้าง

“ฉันจะเป็นเพื่อนนายที่โลกตรงนี้ แต่โลกของนายเอง สักวันนายต้องได้เจอพวกเขา คนที่จะทำให้ได้นายรู้จักมิตรภาพ รู้จักครอบครัว เรียนรู้เรื่องราวน่าตื่นเต้น เชื่อฉันเถอะว่านายต้องมีวันนั้น”

“ไม่เสียแรงเลยที่ฉันหานายเจอ…นายมันน่ารักดีเป็นบ้า!” แบร์รี่คว้าเขาไปกอดเต็มรัก ปีเตอร์เบิกตาโพลง รู้สึกไม่ชินกับการจู่โจมชนิดฉับพลันทันด่วนแบบนี้เอาเสียเลย นี่อาจเป็นผลกรรมที่เขาชอบทำให้คนอื่นตกอกตกใจเป็นแน่ พระเจ้าถึงได้ส่งแบร์รี่ อัลเลนมากวนประสาทเขา ปีเตอร์ตบแผ่นหลังกว้างนั้นเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณว่ากอดนี่มันชักจะแนบแน่นเกินไปแล้ว

“แบร์รี่ นายกลับไปเถอะ…” เขาพูดเบาๆ ระหว่างผละกอดออก “หมายถึงไม่ได้ไล่นะ แค่กลัวว่านายจะเป็นอันตราย”

“ก็ได้…” แบร์รี่พยักหน้ารับอย่างเสียดาย “แต่ฉันไม่สัญญาว่าจะไม่กลับมาหานายหรอกนะ ปีเตอร์” มือหนายกขึ้นยีกลุ่มผมสีเงินของเขาแถมยังแอบหยิกแก้มเขาเบาๆ ปีเตอร์ชักสีหน้านิดถึงอย่างนั้นเขากลับอุ่นใจที่ได้รู้จักกับใครสักคนที่น่าทึ่ง ลึกลับและช่างเป็นมิตร

แสงวูบวาบสว่างจ้า ก่อนแบร์รี่ อัลเลนจะหายเข้าไปในบานกระจกอีกครา…เหลือเพียงตัวเขาภายในห้องนอนเงียบสงัด ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่หมอนั่นจากไป ความเปลี่ยวเหงาจะเข้ามาแทนที่

จะว่าไปแล้ว…บนโลกนี้ยังมีสิ่งซ่อนเร้นให้ค้นหาอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคงเป็นโลกคู่ขนาน

แน่นอนมันนำพาเอาความสัมพันธ์ประหลาดนี้มาเยือนเขา เรื่องราวของคนสองคนที่ดำเนินอยู่บนเส้นขนานไม่รู้จบ ความจริงที่น่าเศร้าคือมันไม่สามารถบรรจบกันได้ ทว่ามันก็ไม่ได้แย่เสมอไปกับการได้พบพานเส้นขนานนั้น

ปีเตอร์คิดว่าเขาลืมอะไรไปบางอย่าง

ลืมบอกแบร์รี่ อัลเลนว่าหมอนั่นช่างเป็นมนุษย์ที่ยิ้มได้สดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามเช้าเสียอีก…

 

 

END

 

 Talk*

อันที่จริง เรามีพล็อตอยู่ในใจ 2 เรื่องค่ะ แต่ตัดใจเอาเรื่องนี้ เพราะไม่อยากแต่งดราม่า 555555 เราเพิ่งหายเครียดจากสอบมาหมาดๆ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า…เหตุการณ์ตอนนี้ เราอิงจาก trailer justice league อ่ะค่ะ ก่อนที่แบร์รี่จะได้เจอคุณบรู๊ซ (เราไม่แม่นดีซีเท่าไหร่นะคะ แต่ก็พยายามตีความตามที่ดูตัวอย่างนั้นมาต่อยอด) แล้วก็อาศัยพลังการวิ่งข้ามมิติของแบร์รี่ด้วย แต่ใช้มุมมองของปีเตอร์เป็นคนเล่าเอง แต่งไปก็เพลินดีค่ะ สองคนนี้ถ้ามาเจอกันคงสนุกน่าดูเลย ><

 

5 thoughts on “[OS special] Not Alone | Barry x Peter (The Flash x Quicksilver)

  1. ดีจังเลยค่ะ ในที่สุดปีเตอร์ก็โดนกวนกลับบ้าง555 น่าเอ็นดูเชียว
    ขอบคุณสำหรับฟิคที่พาทั้งคู่มาเจอกันนะคะ แอบคิดในใจอยู่นานแล้วว่าเขาดูเหมาะจะอยู่ด้วยกันทั้งความสัมพันธ์แบบเพื่อนแล้วก็แบบที่มากกว่านั้น แล้วก็เป็นห่วงเป็นใยกันด้วย น่ารัก ^w^

    Liked by 1 person

  2. บอกตรงๆเลยค่ะว่าชอบมากกก เขียนดีทั้งพล็อตและการใช้ภาษาเลยค่ะ โอ๊ยชอบมาก ชอบแบบอยากกรี๊ดแล้วกระโดดกอดคุณคนเขียนเลยค่ะ TvT (อย่าหาว่า creepy เลยนะคะ ๕๕๕)

    ชอบเรื่องเอาการข้ามมิติมาโยงในฟิคนี้จังเลยค่ะ ยิ่งมาแถวๆกระจกนี่นึกถึงทวิภพเลยโฮรววว แม่มณีปีเตอร์กับคุณหลวง(?) ๕๕๕ ชอบอีกอย่างคือคาร์แรคเตอร์แบร์รี่ค่ะ มันดูเป็นแบร์รี่เอซร่ามากๆ ชอบที่คุณคนเขียนดึงคาร์มาได้โดยไม่ทำให้นึกถึงเวอร์ชั่นแกรนท์อะค่ะ

    สนใจเขียนคู่นี้อีกมั้ยคะ? รออ่านเลยค่ะ x)

    Liked by 1 person

    1. ขอตอบคอมเม้นท์นะคะ >< แฮ่ะ ความรู้สึกส่วนตัวเราคิดว่าคาร์แฟลชของแกรนท์จะสุขุม ดูนิ่งกว่าแฟลชเวอร์เอซร่า พี่แกรนท์เขาคงโดนน้องควิกกวนประสาทแทน ถ้าเป็นคาร์แบบเอซร่าที่มีความ bad ass คล้ายๆกันน่าจะทำให้น้องควิกโดนกวนบ้างหลังจากที่ไปกร๊าวกับคนอื่นไว้เยอะ ขอบคุณที่ชอบนะคะ โอกาสหน้าอาจจะลองแต่งแฟลชควิกอีก ❤

      Liked by 1 person

  3. ชอบมากอ่ะฮือออออออ ไม่คาดคิดมาก่อน มีความทะเล้นและน่ารักมากๆ(แอบทึ่งกับความจินตนาการของไรต์เล็กน้อย._. ) คือแบบคู่นี้มีพลังที่เหมือนกันแต่ก็เหมือนกับคู่ขนานจริงๆนั้นแหละ คนนึงอยู่marvelอีกคนอยู่dc@-@

    Like

Leave a comment